655 Views ก็ทักทายทุกคนนะครับ มาพบกันวันนี้ก็จะเป็นตอนที่ 2 บทที่ 2 นะครับ ก็จะเป็นการนำเสนอผ่านกระดาษเช็ดปากต่อนที่ 1 ผ่านหนังสือเล่มนี้นั่นเองหนังชื่อที่ว่า Own Your Life เป็นหนังสือของ Don Failla ต้องบอกเลยว่าทุกคนที่ทำธุรกิจการตลาดแบบเครือข่าย หรือจะเป็นธุรกิจใดก็ตาม ที่ต้องการรีขูดคนเข้ามาในองค์กร หรือต้องการการสปอนเซอร์คนเข้ามาในองค์กร ต้องการสร้างทีม, สร้างองค์กร เหมาะสมที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ ซึ่งมาวันนี้ก็จะเป็นบทที่ 2 หัวข้อ 2×2 เป็น 4 นั้นเอง จะเป็นการนำเสนอผ่านกระดาษเช็ดปากตอนที่ 1 เมื่อเราอ่านหรือฟังมาถึงตอนนี้ เชื่อว่าทุกคนก็คงจะเข้าใจธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายในระดับหนึ่งแล้ว เชื่อว่าในนี้ทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาสร้างทีมงานสร้างองค์กรของตัวเอง นั่นก็หมายความว่า เมื่อเราเริ่มที่จะเข้าใจธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายแล้ว เราก็จะเริ่มแนะนำคนเข้ามาในองค์กร ซึ่งในนี้ก็อาจจะมีหนึ่งคนหรือสองคนแล้ว ในตอนนี้และคือเวลาและโอกาสที่เราควรจะเริ่มนำเสนอ บทฝึกสอนแรกผ่านกระดาษเช็ดปากของ Don Failla นั่นเอง บทที่มีชื่อว่า 2×2 เป็น 4 นั่นเอง ถ้าคนของท่านฟังมาถึงตอนนี้แล้ว มันคือโอกาสที่ดีที่จะนำเสนอบทนี้ให้กับเขา เป็นพาหนะที่ใช้ในการขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จนั่นเอง นี่ก็จะเป็นพาหนะที่ใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้แหละเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่ท่านจำเป็นจะต้องสอนให้กับคนของท่านให้ได้รู้จัก เมื่อพวกเขาก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจ เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าหากท่านต้องการให้ความคิดของเขา เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ ท่านจำเป็นต้องดึงความคิดของเขาออกมา ให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องตั้งแต่วันแรกที่เข้าร่วมธุรกิจนั่นเอง สิ่งสำคัญสิ่งทำผิดที่ท่านจะต้องสอนนั้นก็คือความคิดที่ว่า จะอุปถัมภ์คนทั้งโลกเข้ามาในองค์กรเพื่อการตลาดแบบหลายชั้น เพื่อที่จะหวังกอบโกยเงินในระยะสั้น อันนี้เป็นความคิดที่ห้ามเลยห้ามมีความคิดแบบนั้น อยู่ในบทฝึกสอนนี่แหละ มันจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่า มันมีความสำคัญอย่างไร ที่จะต้องสอนให้พวกเขารู้จักเกี่ยวกับธุรกิจการตลาดแบบเครือข่าย ในการทำงานกับคนของพวกเขา เพื่อช่วยคนของพวกเขาออกสตาร์ทอย่างถูกต้อง และเพื่อเป็นการฝึกสอนคนของเขาให้ทำต่อไปเรื่อยๆ เมื่อท่านทำแบบนี้ท่านก็จะสังเกตเห็นว่าตัวเอง มีคนของท่านหนึ่งคนมีการนำเสนอ แล้วก็ทำต่อๆกันไป ในขณะที่ท่านกำลังสอนบทนำเสนอนี้ ท่านก็จะเห็นตัวเองและผู้มุ่งหวังอีกหนึ่งคน และจะสังเกตเห็นว่ามันเป็นการนำเสนอแบบง่ายๆนั่นเอง ซึ่งวิธีการนี้และเป็นการนำเสนอแบบง่ายๆ เป็นการนำเสนอแบบเพื่อนมิตร แต่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่มีสาระสำคัญ ซึ่งวิธีการนำเสนอนี้ ท่านก็จะสามารถนำเสนอได้แบบง่ายๆในลักษณะ 2×2 เป็น 4 เหมือนกับภาพร้านขวามือนี่เอง รูปแบบในการทำงานก็จะเป็นลักษณะในการคูณ เป็นการทวีคูณลงไปเรื่อยๆตามลำดับขั้นตอน ซึ่งผู้เขียนก็มักจะพูดติดตลกอยู่ว่า เราจะไม่สปอนเซอร์หรือนำเสนอโอกาสนี้ให้กับใครก็ตาม ที่คูณเลขไม่เป็น ถ้าใครก็ตามที่ไม่สามารถนำเสนอ หรือไม่สามารถคูณเลขขั้นพื้นฐานได้ ให้เราข้ามคนนั้นไปก่อน เพราะว่าเราจะมีปัญหาในการทำงานกับพวกเขานั่นเอง แม้แต่เลขคณิตศาสตร์ขั้นพื้นฐานยังไม่สามารถคุณได้ ให้เราข้ามคนเหล่านั้นไปก่อน เพราะว่าในธุรกิจการตลาดแบบเครือข่าย ไม่ใช่แค่การบวกลบคูณหารเท่านั้น แต่ว่ามันจะเป็นการเพิ่มพลังแบบทวีคูณ ให้สังเกตุงายๆเลยเราเริ่มใช้คำว่าอุปถัมภ์เข้ามาในธุรกิจสามารถดูผ่านวิดีโอได้ครับ เอาล่ะ ต่อจากนี้ไปจะเป็นการเปรียบเทียบ เลื่อนไปที่ขวามือบรรทัดที่สอง จะเป็นการเขียนเพื่อเปรียบเทียบ หลังจากที่เราเขียน 2×2 ไปแล้ว ให้เขียน 3×3 เป็นการเปรียบเทียบกันลงมา ในที่นี้วิธีการก็คือเมื่อเราเริ่มอุปถัมภ์คน เข้ามา 3 คน เเล้วก็สอนให้คนของเรา 3คนนี้ อุปถัมภ์คนเข้ามาอีกคนละ 3คน นั้นก็หมายความว่าเราก็มีคนเกิดขึ้นในองค์กรอยู่ที่ 9คน ให้สังเกตุดูดีๆว่าเราเริ่มใช้คำว่า “สอน” หลังจากนั้นเราก็สอนวิธีการ ให้กับคนของเรา 3 คนที่เราอุปถัมภ์เข้ามานั่นแหละ ให้พวกเขาเอาไปสอนคน 9คนของเค้าต่อ ว่าวิธีการสอนนั้นมันจะต้องสอนอย่างไร เพื่อคน 9 คนนั่นแหละ จะสามารถไปสอนคนในองค์กรของเขาต่อ 3คนนั่นแหละก็จะกลายเป็น 27คน ในตอนนี้เราก็จะมีคนเกิดขึ้นในองค์กร 27คน ถ้าลึกลงไปอีก 1ชั้น เราก็จะมีคนเกิดขึ้นในองค์กร 81คน เมื่อมาถึงจุดนี้ให้สังเกตง่ายๆเลยความแตกต่างระหว่าง 16 กับ 81 ในที่นี้วิธีการง่ายๆก็คือ เราจะดึงความสนใจ คนของเรานั้นแหละ ให้มาโฟกัสจำนวนตัวเลขที่มันแตกต่างกัน และสิ่งที่สำคัญมากกว่านั่นก็คือ เราต้องถามเขา ให้เขาสังเกตดูว่าตัวเลขที่มันแตกต่างกันนีมากน้อยแค่ไหน แล้วให้เราอธิบายอีกว่าความแตกต่างนี้เริ่มต้นแค่หนึ่งเพียงอย่างเดียว เริ่มต้นใช้หลักการคณิตศาสตร์พื้นฐานจาก 2×2 เป็น4 มาเป็น 3×3 เป็น9 ความแตกต่างเพียงแค่เริ่มต้นจากหนึ่ง หรือจะอธิบายง่ายๆก็คือ ทุกคนเริ่มสปอนเซอร์เข้ามาเพิ่มอีกคนละหนึ่งคน โดยปกติปฏิกิริยาของคนทั่วไป เมื่อเรานำเสนอมาถึงจุดนี้แล้ว ปฏิกิริยาของผู้ฟังก็จะเปลี่ยนไป สังเกตดูง่ายๆเลยผู้ฟังจะเริ่มตั้งใจฟังขึ้นเรื่อยๆ ปฏิกิริยาในการมีส่วนร่วมของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับขั้น และในตอนนี้ถ้าเราเริ่มอุปถัมภ์คนเข้ามาในองค์กร 4คน ให้เราพยายามอธิบายรูปแบบของการทำงานคล้ายๆกันกับ 3×3 นั่นแหละ แต่ว่าเราเพิ่มทวีคูณเข้าไปหลังจาก 4คนเป็น 4×4 ลงมา ในตอนนี้ให้เราสังเกตดูความแตกต่างระหว่างตัวเลขที่เป็นลำดับทวีคูณ เรียงลงมาตามลำดับชั้น เหมือนกับบททวีคูณก่อนหน้านี้ วิธีการก็คือให้เราเขียนสมการในการคูณพร้อมกับอธิบายไปเรื่อยเรื่อยๆตามลำดับขั้น ให้สังเกตดูความแตกต่างของตัวเลขทวีคูณนั่นเอง เมื่อมาถึงตอนนี้ให้เราสังเกตดูสมการของการคูณ จะมีตัวเลขเพิ่มขึ้นแค่ 2คน ให้เราสังเกตตัวเลขที่แตกต่างจากตอนต้น เราสปอนเซอร์กลับมาเพิ่มแค่ 2คน จาก 2คนมาเป็น 4คน จาก 4คนเราก็จะมีการทวีคูณขึ้นไปเป็น 16คนนั่นเอง ให้เราสังเกตตัวเลขที่แตกต่างด้วยการเริ่มต้นแค่ 2คน สอนคนของเราให้ทำงานเป็น หลังจากนั้นก็มาสอนคนของเขาอีก 4คนให้ทำงานเป็น เมื่อเราสอนคนทั้ง 4คนนี้ทำงานไปแล้ว เขาก็จะไปสอนอีก 4คนของเขาต่อ นั่นหมายความว่าในตอนนี้เราก็จะมีจำนวนคนในชั้นที่สอง 16คน จากนั้นเราก็สอนวิธีการนำเสนอ การสปอนเซอร์ หรือการอุปถัมภ์ต่างๆ ให้กับคนของเรา 16คนนั่นแหละ เพื่อให้เขาเอาไปสอนคนของเขาต่ออีก 4คน และในตอนนี้เราก็จะมีคนเกิดขึ้นในองค์กร 64คน เราสังเกตดูตัวเลขง่ายๆ ถ้าสมมุติว่าเราสอนคนของเราไปสปอนเซอร์ 64คน และคน 64คนนี้เข้าก็ต้องการอยากจะมีคนเข้ามาในองค์กรของเขา เราก็แค่สอนวิธีการให้กับเขา เพื่อที่เขาจะสามารถไปสอนคนในองค์กรของเขาได้เองคนละ 4 คน ในที่นี้คน 64คน ไปสปอนเซอร์หรืออุปถัมภ์คนเข้ามาในองกรณ์อีกคนละ 4คน เราก็จะสังเกตเห็นว่ามีคนเพิ่มเข้ามาอีก 1ชั้นในลำดับถัดไปก็จะมีคนในองค์กร 256คนนั่นเองที่อยู่ในองค์กร เมื่อมาถึงตอนนี้เราจะเห็นตัวเลขทวีคูณ 3ชั้น เรามาดูผลลัพธ์ที่แตกต่าง ความแตกต่างระหว่าง 2×2 เป็น4 กับ 4×4 เป็น16 มันแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ให้เราลองพิจารณาดู ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อเราอธิบายมาถึงจุดนี้ เราก็จะสามารถจับปฏิกิริยาของคนฟังว่าพวกเขาเข้าใจสิ่งที่เรากำลังนำเสนอออกไปมากน้อยแค่ไหน เราสามารถสังเกตดูได้จากความตั้งใจของพวกเขานั่นแหละ ซึ่งในจุดนี้สิ่งที่เราต้องอธิบายให้พวกเขาเข้าใจก็คือ ความแตกต่างในการสปอนเซอร์ แค่เริ่มต้นจาก 2คน ให้เราย้อนกลับไปดูตอนแรก ตอนแรกเราสปอนเซอร์เข้ามาแค่ 2คน ด้วยหลักการ 2×2 เป็น4 แต่ในที่นี้เราจะมาเปลี่ยนจาก 2×2 เป็น 3×3 แล้วเปรียบสมการจาก 3×3 มาเป็น 4×4 ความแตกต่างก็แค่ สปอนเซอร์เข้ามาเพิ่มอีกคนละ 2คน และที่สำคัญเมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว ให้เราสังเกตดูปฏิกิริยาคนของเรา ว่าเขามีความเข้าใจมากน้อยแค่ไหนเกี่ยวกับสมการ หลังจากนั้นก็ไปโฟกัสที่ตัวเลข 5นั่นเอง แน่นอนครับเมื่อฟังมาถึงตอนนี้ ผู้ฟังหรือคนที่เราสปอนเซอร์ของมันนั่นแหละ เขาก็เริ่มจะเข้าใจแล้วล่ะ ว่ารูปแบบของธุรกิจมันต้องทำยังไง เขาก็เริ่มจะคอยตามเราแล้ว ซึ่งวิธีการเมื่อเราเริ่มอธิบายตั้งแต่ 2×2 เป็น4 จนมาถึง 256คน ในที่นี้เราก็แค่เปรียบสมการในการคูณนั่นก็คือ 5×5 เท่ากับ 25คน ในตอนนี้เราสามารถอธิบาย เราจะตัดคำว่าอุปถัมภ์หรือสอนออกไปก็ได้ ในตอนนี้ให้เราสักเกตุดูตัวเลขหลักๆและก็คือ 5×5 เป็น 25 และถ้า 25คนนี้อุปถัมภ์คนเข้ามาเพิ่มคนละ 5คน เราก็จะเห็นตัวเลขคนเกิดขึ้นในองค์กร 125คนนั่นเอง และสิ่งที่สำคัญมากกว่านั่นก็คือ เราสังเกตดูว่า 125คนนี้ ถ้าเราสอนให้เขาอุปถัมภ์เป็น สอนให้เขาสปอนเซอร์เป็น สอนให้เขาสามารถไปขยายองค์กรของเขาเองเป็น จะมีคนเกิดขึ้นในองค์กรกี่คน ? แค่ 125คน สปอนเซอร์คนเข้ามาในองกรณ์เพิ่มอีกคนละ 5คน เราก็จะมีคนเกิดขึ้นในองค์กรมาถึง ถูกต้องครับ 625คนนั่นเอง ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่น่ามหัศจรรย์ เราสังเกตดูความแตกต่างง่ายๆเลยเริ่มต้นตั้งแต่ เริ่มแรก 2×2 เป็น4 มาเป็น 5×5 สังเกตดูตัวเลขที่แตกต่าง แค่ทุกคนเพิ่มจำนวนการสปอนเซอร์ เพิ่มคนในการสปอนเซอร์เข้ามาอีกคนละ 3คน เราก็จะได้ตัวเลขที่แตกต่างกันขนาดนี้เลย ในตอนนี้สิ่งที่เราจะต้องสังเกตก็คือ ให้เราสังเกตดูบรรทัดล่างสุด คนส่วนมากจะสมัครอุปถัมภ์ได้ 1 หรือ 2คน หรืออาจจะเป็น 3คน หลายๆคนก็มักจะคิดว่ามันเป็นเรื่องยากนั่นเอง โดยปกติแล้วคนทั่วไปมักจะคิดว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะสามารถอุปถัมภ์คนเข้ามา เป็นลำดับบรรทัดสุดท้ายนั่นก็คือ 16, 81, 256, 625 คน ในตอนนี้ให้เราสังเกตดูดีๆว่า ให้เรามองภาพว่าตัวเองอยู่ที่บรรทัดสุดท้ายของตัวเลขที่ 5 ท่านเพียงแค่ใช้เวลาของท่านในการบริหาร คนที่จริงจังกับธุรกิจเพียงแค่ 5คน 5 คนนี้หมายถึงอะไร ? 5 คนนี้หมายถึงคนที่จริงจังกับธุรกิจ พร้อมที่จะพัฒนาไปกับท่าน ในการขยายองค์กรต่อไปนั่นเอง เมื่อท่านเริ่มอุปถัมภ์เข้ามาแล้ว เขาเองก็อยากจะพัฒนาองค์กรของเขา อยากกลับพัฒนาธุรกิจของเขาเอง กว่าที่จะพบ 5คนจริงจัง เราอาจจะต้องสปอนเซอร์คน 10คน, 15คน, 20คนหรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าหากว่าเราเข้าใจ การนำเสนอผ่านกระดาษเช็ดปากทั้ง10บท เราก็จะสามารถสปอนเซอร์คนเข้ามาในองค์กรได้เร็วกว่าคนที่ไม่รู้เรื่องราวนี้เลย ซึ่งในหนังสือการนำเสนอผ่านกระดาษเช็ดปากของ Don Failla เล่มนี้แหละ จะสอนท่านให้รู้ว่า ท่านจะต้องทำอย่างไรกับคนของท่าน และจะทำยังไงให้พวกเขาจริงจังกับธุรกิจนี้มากขึ้น ขอให้เราสังเกตดูภาพด้านขวามือนี้ เมื่อเขาเริ่มจริงจังสปอนเซอร์คนเข้ามาในองค์กรได้ 5คนแรก พวกเขาก็อยากจะสปอนเซอร์คนจริงจัง 5คนในลำดับถัดไปนั่นเอง เมื่อมีการสปอนเซอร์ หรือมีการอุปถัมภ์ต่อไปเรื่อยๆ ลงไปตามลำดับชั้นจนถึงลำดับที่ 5 เราก็จะมีคนเกิดขึ้นในองค์กร 780คน 780คนนี้หมายถึงอะไร หมายถึงว่าขนาดขององค์กรสำคัญต่อการขยายนั่นเอง สำคัญต่อยอดที่เราใช้จำหน่ายธุรกิจของเรา ในการที่เราทำแบบนี้ มันจะเป็นการตอบคำถามที่ว่า ทำไมเราจึงไม่จำเป็นต้องออกไปขาย มันจะช่วยตอบคำถามนี้ได้เลย เมื่อเราทำมาถึงขั้นตอนนี้ ท่านก็จะเป็นหนึ่งคนที่จริงจังกับธุรกิจนี้ ท่านก็จะสามารถตอบได้ว่า ทำไมเราจริงไม่จำเป็นต้องออกไปขาย ดังนั้นถ้าทันเริ่มสอนการนำเสนอผ่านกระดาษเช็ดปากของ Don Failla เริ่มตั้งแต่ 2×2 เป็น4 ต่อไปเรื่อยๆจนถึงมีคนในองค์กร 780คน, 780คนหมายถึงอะไร ? 780 คนหมายถึงจำนวนคน ที่ท่านจะต้องไปสร้างยอดในการจำหน่าย ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าให้กับผู้บริโภคนั้นเอง แต่ว่าในองค์กรหรือในธุรกิจการตลาดแบบเครือข่าย หมายถึงว่า 780คนนี่ซื้อสินค้าไปใช้เอง นั้นก็เท่ากับว่ามันมียอดจำหน่ายเกิดขึ้นในองค์กร ถ้าหากว่าคน 780คนนี่ซื้อไปใช้ไปกินเอง เราก็จะมียอดจำหน่ายเกิดขึ้นในองค์กรเป็นโวลุ่มขนาดใหญ่ ซึ่งในนี้เราไม่ได้นับรวม มีบางคนเข้ามาเพื่อเป็นผู้ซื้อ หรือบางคนก็จะเป็นลูกค้าขายปลีก มาซื้อแค่เป็นบางครั้งคราว อันนี้เราจะไม่นับรวม เรานับเฉพาะแค่คนจริงจัง5คนเท่านั้น ลึกลงไป 5ชั้น เราก็จะมียอดจำหน่าย มีคนที่ทำธุรกิจจริงจัง 780คนนั่นเอง สรุปง่ายๆก็คือ ถ้าหากท่านเริ่มจริงจังในการสร้างธุรกิจอย่างถูกต้อง และแบ่งปันโอกาส ท่านก็จะมีคนบางคนที่ไม่ต้องการโอกาสในการทำธุรกิจนี้ พวกเขาเหล่านั้นยังไม่ต้องการรับผลประโยชน์จากธุรกิจนี้ ส่วนมากพวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ซื้อในราคาขายส่ง หรือบางคนก็อาจจะเปลี่ยนผู้ซื้อในราคาขายปลีกขายย่อยนั่นเอง ตอนนี้เรามาดูกันว่า ถ้าเรามีคนจริงจังขนาด 780คนในองค์กร เรามาดูกันว่าธุรกิจของเราจะเติบโตได้มากขนาดไหน ถ้าหากว่าแต่ละคนมีหมูเพื่อน 2คน, 3คน, 4คน หรือ10คน กลุ่มคนเรานี่แหละอาจจะเป็นญาติพี่น้อง, เพื่อนสนิท หรือลูกค้า ถ้าสมมุติว่าคน 780คนนี้ มีลูกค้าประจำ หรือมีลูกค้าที่สั่งซื้อกับพวกเขาอย่างน้อยคนละ 10คน เราก็จะมียอดจำหน่ายเกิดจากคนกลุ่มนี้และมากถึง 7800 คน และให้เรานำเอาตัวเลขเหล่านี้และมาบวกกับคนจริงจังของท่าน 780คน เราลองคิดดูว่าตัวเลขมันจะมาแค่ไหน แน่นอนเมื่อเรานำเอาตัวเลขคนที่ซื้อจริงจัง 780คนมาบวกกับลูกค้าขาจรอีก 10คนของแต่ละคน เราก็จะมีคนเกิดขึ้นในองค์กร มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 8580คนนั่นเอง บวกกับคนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่จริงจังกับธุรกิจนี้ หรือหมายความว่าเค้ากำลังแค่เป็นผู้ซื้อนั้นแหละ นี่แหละก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะสามารถทำให้ท่านสร้างผลกำไร จากธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายหรือธุรกิจการตลาดแบบหลายชั้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการหรือในบริษัทใดก็ตาม ท่านก็จะสามารถสร้างยอดจำหน่ายแบบนี้ได้เหมือน ซึ่งวิธีคือการสร้างผู้จำหน่ายของท่านคนละเล็กคนละน้อย เหมือนกันกับในตัวอย่าง เราแค่สปอนเซอร์คนเข้ามาเพิ่มอีกคนละ 3คน เราก็จะมีคนเข้ามาเพิ่มในองค์กรมากถึง 8580คนนั่นเอง ด้วยการเริ่มต้นทำงานกับคนจริงจังแค่ 5คนเท่านั้น 5คนนี้หมายถึง 5กองทัพนั่นเอง เมื่อฟังมาถึงตอนนี้หลายคนอาจจะคิดว่า 5คนมันน้อยเกินไป หลายๆคนก็จะหาวิธีในการสปอนเซอร์คนเข้ามาเพิ่ม แต่ Don และ Nancy Failla แนะนำว่า เราไม่ควรสปอนเซอร์คน, ฟรอนท์ไลน์ (Front line) หรือว่า คนจริงจังมากเกินกว่า 5คน ทำไมเขาจึงพูดแบบนั้น นั่นก็เพราะว่า ถ้าเมื่อไรก็ตามเรานำเสนอมากกว่า 5คนขึ้นไป เราก็จะทำงานแบบไม่มีประสิทธิภาพนั่นเอง ซึ่งในตัวอย่างนี้ Don และ Nancy Failla มักจะบอกว่า คนอื่นๆหรือสายงานอื่นๆ พวกเขาจริงสงสัยว่าทำไมธุรกิจของ Don และ Nancy Failla จริงเติบโต พวกเขาทำได้อย่างไร และสงสัยว่าทำไม องค์กรธุรกิจของ Don และ Nancy Failla จริงเติบโตมากกว่าของคนอื่น เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น Don Failla มักจะถ้าพวกเขากลับไปว่า พวกเขามีฟรอนท์ไลน์ กี่คน หรือพวกเขามีคนที่อุปถัมภ์เข้ามาในองค์กรแบบจริงจังกี่คน Don Failla ยังอธิบายเพิ่มอีกว่า เขารู้จักคนที่เข้ามาในการตลาดแบบเครือข่ายหรือว่าแบบ MLM นี่แหละ บางคนมีฟรอนท์ไลน์มากเกินกว่า 100คน เมื่อฟังมาถึงตอนนี้บางคนอาจจะยังงงๆหรือสงสัยคำว่า “ฟรอนท์ไลน์ (Front line)” ฟรอนท์ไลน์หมายถึงคนที่ท่านสปอนเซอร์เข้ามาในองค์กร หรือคนที่ท่านกำลังทำงานจริงจังกับเค้านั่นแหละ เป็นคนที่ทำงานติดกับตัวท่านนั่นแหละ เขาเรียกว่า “ฟรอนท์ไลน์ (Front line)” หรือว่า “ดาวไลน์ (Down Line) เมื่อ Don Failla ตั้งคำถามกับพวกเขาไปว่า พวกเขามีฟรอนท์ไลน์กี่คน บางคนจะตอบว่ามี 25คน บางคนก็ตอบว่ามี 50คน และบางคนก็จะตอบว่ามีเกินกว่า 100คน Don Failla ยังพูดเสริมอีกว่า เขารู้จักมีคนจำนวนมาก ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการตลาดแบบเครือข่ายนี้แหละ มีฟรอนท์ไลน์มากเกินกว่า 100คน เมื่อไหร่ก็ตามถ้าท่านเข้าใจวิธีการทำงาน การนำเสนอผ่านกระดาษเช็ดปากทั้ง 10บทแล้ว เราก็จะเข้าใจว่า รูปแบบการทำงานของการตลาดแบบเครือข่ายแท้ที่จริงแล้วมันต้องทำอย่างไร เมื่อท่านนำเอาทักษะการนำเสนอผ่านกระดาษเช็ดปากของ Don Failla เอาไปใช้ ท่านจะสามารถแซงหน้าคนอื่นได้ภายใน 6เดือน มากกว่าคนที่ทำงานในธุรกิจนี้ 8ปี 10ปี มากกว่าคนกลุ่มนั้นอย่างแน่นอน เมื่อฟังมาถึงตอนนี้หลายคนก็อาจจะคิดว่า เมื่อเรามีฟรอนท์ไลน์จำนวนหลายคน ผลลัพธ์ก็จะทวีคูณขึ้นไป แต่ Don Failla แนะนำว่าห้ามเกิน 5คน หรือว่าห้ามเกิน5คนจริงจังนั่นแหละ เพื่อจะได้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีกว่า ทำไม Don Failla จึงบอกว่าเอาแค่ 5คน ซึ่งในบทนี้เราจะได้อธิบายต่อผ่านการนำเสนอผ่านกระดาษเช็ดปากในตอนที่ 2 ในบทถัดไปนั่นเอง ทำไมเราจึงมีความสปอนเซอร์มากเกินกว่า 5คน ทำไมเราจิ้นไม่ควรอุปถัมภ์มากกว่า 5คน เราจะได้เรียนรู้ในบทที่ 3 หรือว่าการนำเสนอผ่านกระดาษเช็ดปากตอนที่ 2 ที่มีหัวข้อชื่อว่า “อาการล้มเหลวของนักขาย” ในบทการนำเสนอนี้ Don Failla จะอธิบายให้ทันได้เห็นว่า ทำไมเราจึงไม่ควรมีฟรอนท์ไลน์เยอะจนเกินไป แล้วทำไมการที่มีฟรอนท์ไลน์ยอะจนเกินไปมันเป็นเรื่องที่ไม่ดี ถ้าพูดแบบนี้หลายคนก็อาจจะมองไม่เห็นภาพว่ามันเป็นอย่างไร เราลองมาสังเกตตัวอย่างเรื่องนี้ดู ถ้าหากว่า ไม่ว่าจะเป็นกองทัพทหาร ตำรวจ หรือข้าราชการ ให้เราสังเกตง่ายๆเลย ในกองทัพก็จะมีผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา 5-10คน แต่ในตัวอย่างนี้เราจะเอาแค่ 5คน ทำไมจึงเอาแค่ 5คน ถ้ามากกว่านั้นเราก็จะไม่สามารถบังคับบัญชาได้ ซึ่งอาจจะเริ่มต้นจากตำแหน่งที่สูง ตัวอย่างนายพล ก็จะมีนายพันอยู่ภายใต้บังคับบัญชาจำนวนหนึ่งหรืออาจจะเป็น 5-10คน และนายพันก่อจะมีนายร้อย อยู่ภายใต้บังคับบัญชานะฮะเนี่ยจำนวนประมาณ 5-10คน/คน จากนายร้อยกว่าจะเป็น นายหมวด, นาย10 ตามลำดับลงไป มันก็จะมีโครงสร้าง, โครงข่ายในการปกครอง เป็นลำดับการปกครอง ถ้าเทียบง่ายๆหนึ่งประเทศ ก็จะมีหลายแขวง, หลายจังหวัด เพื่อแยกในการควบคุม เพื่อให้มันเป็นการดูแลง่าย และหนึ่งแขวง หรือหนื่งจังหวัด ก็จะมีหลายเมืองอยู่ในนั้น เพื่อแยกในการควบคุมไปทีละภาคแต่ละพื้นที่ และหนึ่งเมืองก็จะมีหลายหมู่บ้านอยู่ในนั้น อันนี้ก็จะเป็นการแยกในการควบคุมเหมือนกัน และหนึ่งหมู่บ้านก็จะมีหลายเขตหลายหัวหน่วย นี่แหละทำไมจึงต้องมีการแบ่งแบบนั้น เพื่อง่ายในการควบคุมในการกระจายข้อมูล อันนี้ก็จะเป็นรูปแบบในการตัวอย่างเพื่อให้เราได้เห็นภาพเหมือนกัน ถ้าอธิบายให้เห็นภาพแบบนี้ก็จะเข้าใจได้ง่ายกว่า นี่แหละคือเหตุผลทำไม Don และ Nancy Failla จึงบอกว่า คนหนึ่งคนจึงไม่ควรสปอนเซอร์ หรืออุปถัมภ์คนเข้ามาเกิน 5คน ถ้าหากว่ากลับกัน หนึ่งประเทศมีแค่คนเดียวที่สามารถดูแลคนทั้งประเทศได้ หรือว่า 1 กองทัพมีแค่คนเดียวที่สามารถดูแลคนทังกองทัพได้ ถามว่ามันเป็นไปได้ไหม? มันเป็นไปได้แต่ว่ามันจะควบคุมยาก ในการควบคุมบริหารจัดการ เพราะว่าอํานาจในการตัดสินใจทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับคนๆนั้น แต่ถ้าแยกมันออกมา มีการควบคุมตามลำดับขั้นตามขั้นตอน จากประเทศมาเป็นแขวง, มาเป็นจังหวัด จากจังหวัดมาเป็นเมือง, มาเป็นอำเภอ จากเมืองมาเป็นหมู่บ้าน จากหมู่บ้านมาเป็นเขต, มาเป็นหัวหน่วย มันก็จะง่ายขึ้นในการบริหารจัดการ ในธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายของเราก็เหมือนกัน เราแค่สปอนเซอร์คนเข้ามา 5คนจริงจัง แล้ว 5คนจริงจังนี้ ก็ไปสปอนเซอร์คนของเขาอีกคนละ 5คนที่จริงจัง ในทีนี้ในบรรทัดที่ 2 เราก็จะมีคนเกิดขึ้นในองค์กร 25คน หลังจากนั้น 25คนนี้ เขาก็ต้องการสร้างธุรกิจสร้างองค์กรของเขา เขาก็ไปนำเสนออีก 5คนที่จริงจัง เราก็จะมีคนเกิดขึ้นในองค์กรในลำดับถัดไป 125คน จาก 125คน ถ้าเขาต้องการขยายโอกาสขยายธุรกิจของเขา เขาก็ไปสปอนเซอร์คนเข้ามาอีก 5คนจริงจัง เราก็จะมีคนเกิดขึ้นในองค์กร 560คน เราก็จะมีการขยายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันก็จะทำให้เรามีคนเกิดขึ้นในองค์กรแบบไม่มีขีดจำกัดนั่นเอง เพียงแค่นำเสนอและแบ่งปันโอกาสให้กับคน 5คนจริงจังเท่านั้น นี้และยิ่งเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงไม่ควรสปอนเซอร์มากเกินกว่า 5คนต่อครั้ง ถึงอย่างไรก็ตาม ต้องให้แน่ใจก่อนว่า เมื่อท่านเริ่มสปอนเซอร์คนเข้ามา 5คนจริงจังแล้ว ขอให้ท่านทำงานกับพวกเขาในชั้นลึกลงไปนั่นเอง เมื่อเราเริ่มทำงานกับพวกเขาได้ระยะหนึ่ง คนของท่านก็จะเริ่มไม่ต้องการท่านแล้ว เมื่อเขาเริ่มทำงานเองได้ ท่านก็จะสามารถแยกตัวออกจากเขาเพื่อที่จะไปสปอนเซอร์คนใหม่เข้ามาเพิ่ม เมื่อคนจริงจังของท่าน เขาเริ่มทำงานเป็น เขาก็จะแยกออกเป็นสายงานใหม่ และในตอนนี้ท่านก็จะมีเวลาในการสปอนเซอร์คนใหม่เข้ามาเพิ่มเป็น 5คนจริงจัง ในชุดที่ 2 ชุดที่ 3 ตามลำดับ ตอนนี้ท่านจะมีอิสระในการสปอนเซอร์คนใหม่เข้ามาเพิ่ม แต่ย้ำอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยๆท่านจะต้องมีคนที่ทำงานจริงจัง ติดกับท่าน 5คน ในบางบริษัทก็จะมีการกำหนด ให้ท่านสามารถสปอนเซอร์คนจริงจังไม่เกิน 3-4คนต่อคั้ง แต่ Don Failla ยังอธิบายเพิ่มอีกว่า เขาไม่เคยเห็นมีใครเลยสามารถทำงานกับคนที่จริงจังได้เกินกว่า 5คนต่อครั้งนั่นเอง ย้ำอีกครั้งหนึ่งต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเราฟังมาถึงตอนนี้หลายคนก็อาจจะมีคำถามหลายๆอย่าง บทนำเสนอผ่านกระดาษเช็ดปากของ Don Failla ทุกบทมันจะเชื่อมโยงกัน ขอให้เราฟังและอ่านต่อไปเรื่อยๆจนจบ คำถามทุกอย่างที่อยู่ในหัว มันก็จะมีคำตอบในตัวของมันเอง คำถามที่เรามีก็จะค่อยๆถูกลบออกไปทีละนิดทีละนิด ในหัวข้อต่อไป สำหรับในหัวข้อนี้ก็จะจบเท่านี้ จะมาพบกันอีกในตอนหน้า จะเป็นการนำเสนอผ่านกระดาษเช็ดปากในตอนที่ 2 เป็นบทที่ 3นั่นเอง ที่มีหัวข้อสื่อว่า “อาการล้มเหลวของนักขาย” ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ แด่ความสำเร็จของท่าน Post navigation MLM คืออะไร และอะไรที่ไม่ใช่ อาการล้มเหลวของนักขาย